เมืองแห่งสปา Montecatini Terme

เมืองแห่งสปา Montecatini Terme

    

     สวัสดีครับ  วันนี้จะพาไปชมเมืองตากอากาศที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนที่ประกอบไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม มีโรงแรมหรูหราระดับ 5 นอกจากนั้นยังมีการจัดงานเทศกาลดนตรี งานแสดงโชว์สินค้า และอีเว้นท์อื่นๆ ที่น่าสนใจมากมายอีกด้วย

https://www.talontiew.com/montecatini-terme/

เมือง Montecatini Terme  เป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของทั้งชาวอิตาลีและชาวต่างชาติในเขตแคว้นทัสคานี(Tuscany) ที่ประกอบไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม มีโรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาวที่จัดว่าสวยที่สุดในอิตาลีให้เลือกพัก มีร้านค้า ร้านอาหาร ผับ และบาร์มากมายให้เที่ยวชม อีกทั้งยังมีบ่อน้ำพุร้อนสำหรับให้ผ่อนคลาย โดยจัดเป็นเมืองแห่งสปาอันดับหนึ่งของอิตาลีเลยทีเดียว

Montercatini Terme ตั้งอยู่ใน Tuscany เป็นเมืองแห่งสปาที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี  สถานที่อันสวยงามและให้ความผ่อนคลายที่อยู่ใกล้กับเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของอิตาลีอย่างเมืองฟลอเรนซ์ นอกจากความสวยงามและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายทั้งหลายที่เหมาะอย่างมากสำหรับวันพักผ่อนแล้ว เมืองแห่งนี้ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งเช่นกัน โดยเรื่องราวของ Montecatini Terme นั้นเชื่อมโยงกับปราสาทและป้อมปราการที่อยู่ทางเหนือของเมือง Montecatini Alto อย่างใกล้ชิด เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบอย่าง Lucca และเมืองแห่งศิลปะอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นและอนุสาวรีย์ต่างๆ พร้อมสปาที่มอบความผ่อนคลายในบรรยากาศสุดหรู

http://www.tuttopistoia.com/art/154374/eventi-programma-alle-terme-Montecatini-fino-domenivca-agosto

ในช่วงปลายของยุค 1800 ที่นี่จะมีศิลปิน นักแต่งเพลง นักประพันธ์รวมไปถึงศิลปินชื่อดังต่างๆมารวมกันในสถานที่แห่งนี้  กลายเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่รุ่งโรจน์ของเมืองนี้  ที่แม้ว่าเมืองจะเคยผ่านอดีตอันแสนวุ่นวายและสงครามทำลายล้างที่ทำลายทั้งเมืองและผู้คน แต่อย่างไรก็ตามชาวเมืองก็ได้ช่วยกันรักษาประเพณีและช่วยกันสร้างเมืองและเศรษฐกิจของเมืองให้ค่อยๆ คึกคักขึ้นอย่างช้าๆ จนกลายเป็นเมืองตากอากาศที่ยอดเยี่ยมในปัจจุบัน

Montercatini Terme มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับเรื่องสปาน้ำพุร้อน  โดยในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 20 นั้นได้มีโรงแรมมากมายที่ก่อสร้างผสมผสานกับการทำสปาน้ำพุร้อนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีตั้งแต่โรงแรม 5 ดาวหรูหราที่จัดได้ว่าสวยงามที่สุดในอิตาลี ไปจนถึงโรงแรมน่ารักๆ ในราคาที่จับต้องได้  และยังมีคาสิโนเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน และร้านอาหารต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย อีกทั้งด้วยการเข้าถึงได้ง่าย สะดวกสบายในการเดินทาง อีกทั้งความสวยงามทางทัศนียภาพของเมือง โรงแรมหรูหรามากมาย ร้านอาหาร ย่านช้อปปิ้ง กิจกรรมต่างๆ ให้เลือกสนุกเช่น คาสิโน สนามกอล์ฟ  บาร์นั่งชิล ผับ งานแสดงศิลปะและเทศกาลดนตรี แสงสีต่างๆ งานเต้นรำ  งานจัดแสดงสินค้า  และเทศกาลอื่นๆ อีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยว  อีกทั้งยังมีสปาน้ำพุร้อนที่ขึ้นชื่อนี้เป็นจุดขาย  ให้ Montecatini Terme เป็นสถานที่ที่สามารถเติมเต็มความสุขสำหรับการพักผ่อนได้อย่างแท้จริง

http://www.hotelroomsearch.net/city/montecatini-terme-italy

https://www.alamy.com/stock-photo-montecatini-terme-viewed-from-montecatini-alto-tuscany-italy-7967078.html

https://www.easyjet.com/en/holidays/italy/tuscany/montecatini-terme/

https://www.tripadvisor.com/Tourism-g194830-Montecatini_Terme_Province_of_Pistoia_Tuscany-Vacations.html

ที่มา https://www.talontiew.com/montecatini-terme/

พิพิธภัณท์ ปราสาท ซันตันเจโล Castel Sant’Angelo

พิพิธภัณท์ ปราสาท ซันตันเจโล 

Castel Sant’Angelo

    

     สวัสดีคับทุกๆคน วันนี้ผมจะพาไปชมอีกสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีสะพานสวยงามเชื่อมจาก Peter’s Square เนื่องด้วยที่นี่ครั้งหนึ่งได้ถูกพระสันตะปาปาใช้เป็นป้อมปราการสำหรับหลบภัย ในปัจจุบันนั้นที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโรม

https://www.talontiew.com/castel-santangelo/

ปราสาท ซันตันเจโล(Castel Sant’Angelo) เป็นปราสาททรงกระบอกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในกรุงโรม ตั้งอยู่ใน Parco Adriano ของกรุงโรมประเทศอิตาลี ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิแห่งโรมันเฮเดรียน  สำหรับใช้เป็นสุสานสำหรับเขาและครอบครัว ก่อนจะถูกเปลี่ยนมาเป็นป้อมปราการโดยพระสันตะปาปา กรมทหาร ที่คุมขังนักโทษ และสุดท้ายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เช่นในปัจจุบัน

Castel Sant’Angelo หรือสุสานขอบเฮเดรียนแห่งนี้  เป็นปราสาททรงกระบอกตั้งอยู่ริมฝั่งของแม่น้ำ Tiber โดยตั้งอยู่นอกกำแพงของนครรัฐวาติกัน  แต่ด้วยสนธิสัญญาของมุสโสลินีจึงทำให้ปราสาทแห่งนี้จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของนครรัฐวาติกันด้วย  ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิแห่งโรมันเฮเดรียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่ฝังศพของเค้าและครอบครัวโดยแต่เดิมนั้นปราสาทนี้จัดได้ว่าเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในกรุงโรม  นอกจากตัวปราสาทแล้วกษัตริย์เฮเดรียนยังได้สร้างสะพาน Ponte Sant’Angelo ขึ้นมาโดยสร้างแล้วเสร็จในปี 134 เพื่อเชื่อมใจกลางกรุงโรมมาที่สุสานของเขา  ดังนั้นกระดูกของกษัตริย์เฮเดรียนและครอบครัวจึงได้ถูกฝังอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้  หลังจากกษัตริย์เฮเดรียนสิ้นพระชนม์และถูกฝังที่ปราสาทแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ในเวลาต่อมาปราสาทก็ได้ถูกใช้เป็นกรมทหาร เป็นที่คุมขังนักโทษ จนมาถึงในสมัยของพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 3 เขาได้ใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นป้อมปราการและที่หลบภัยจึงได้มีการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างปราสาทแห่งนี้กับวิหารเซนต์ปีเตอร์เพื่อใช้เป็นทางหลบหนีนั่นเอง  ส่วนในปัจจุบันนั้นปราสาทแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Museo Nazionale di Castel Sant’Angelo

อhttps://www.mylittleadventure.com/best-things/rome/tours/rome-castel-santangelo-walking-tour-and-cooking-class-7wDURe5hxB

หากมองมาจากบริเวณจัตุรัสเซนส์ปีเตอร์นั่นจะเห็นสะพานเชื่อมที่พระสันตะปาปาสร้างขึ้นอย่างสวยงามทอดไปยังด้านหน้าของปราสาท บริเวณสะพานจะประกอบด้วยรูปปั้นเทพที่เลียนแบบประติมากรรมเดิมที่สร้างขึ้นโดย Bernini เป็นรูปปั้นเทพที่แต่ละองค์ถือเครื่องมือแห่งความรักของพระเยซูที่งดงาม  สำหรับภายในปราสาทที่เป็นปัจจุบันได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินั้นประกอบไปด้วยคอลเลคชั่นโบราณมากมายที่ถูกค้นพบ บริเวณห้องโถงมีสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์, รูปถ่าย, คอลเลคชั่นแรกของอาวุธโบราณ, เหรียญยาราณ และเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ ที่ถูกขุดพบจัดแสดงอยู่ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายในนั้นแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของการใช้งานภายในปราสาททั้ง 2 ยุคสมัย นอกจากนั้นแล้วในบริเวณห้องใต้ดินหรือห้องต่างๆ ของบริเวณปราสาทยังได้มีการจัดแสดงอาวุธโบราณที่ใช้ในยุคสมัยต่างๆ จนมาถึงอาวุธในยุคปัจจุบันไว้ให้ได้ชมกันอีกด้วย  โดยพิพิธภัณฑ์จะแสดงให้เห็นได้ดีถึงความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัยของกรุงโรม

https://www.mylittleadventure.com/best-things/rome/tours/rome-castel-santangelo-walking-tour-and-cooking-class-7wDURe5hxB

https://www.tourinrome.com/angels-castle-mausoleum-hadrian/

https://rome.ticketbar.eu/en/ancient-rome/castel-sant-angelo-/

https://www.werkaandemuur.nl/nl/werk/Engelenburcht-in-Rome-bij-avondlicht/318259

https://www.youtube.com/watch?v=lf5pA8I-iwY

ที่มา https://www.talontiew.com/castel-santangelo/

สวน Boboli Gardens

สวน Boboli Gardens

    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาเปลี่ยนบรรยากาศจากเที่ยวอาคารหรือตึกมาเป็นเดินที่สวนเพื่อชมธรรมชาติ

กันนะครับ สำหรับใครที่อยากพักผ่อนก็ลองแวะไปเดินไปนั่งเล่นกันดูนะครับ

https://www.talontiew.com/boboli-gardens/

Boboli Gardens  เป็นสวนสไตล์อิตาเลียนที่ตั้งอยู่ด้านหลัง Palazzo Pitti เป็นสวนขนาด 45,000 ตารางเมตร เป็นสวนในสมัยศตวรรษที่ 16 ที่ได้รับการออกแบบโดย Tribolo นักจัดสวนมือหนึ่งของอิตาลีในยุคสมัยนั้น  ภายในสวนสวยงามด้วยทางเดินที่เป็นระเบียบ ร่มรื่น มีต้นไม่ตกแต่งหลายชนิดที่น่าสนใจ และโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมน้ำพุจำนวนมาก เช่น Fontana dell’Oceano ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำพุที่สวยงามมาก

สวน Boboli เป็นสวนกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองฟลอเรนซ์ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหลังของแหล่งรวมวัฒนธรรมของฟลอเรนซ์อย่าง Palazzo Pitti สวนที่เก่าแก่แห่งนี้มีต้นโอ๊กที่เก่าแก่หลายร้อยต้น มีประติมากรรมน้ำพุอันสวยงามมากมายและมีที่พักพิงอันเงียบสงบจากแสงแดดที่อบอุ่นของเมืองฟลอเรนซ์ในช่วงฤดูร้อนอันสวยงามขอบการเปลี่ยนสีของใบไม้  และดอกไม้บานในช่วงใบไม่ผลิ  สวนแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่งดงามของสถาปัตยกรรมสีเขียวที่ประดับด้วยประติมากรรมได้อย่างลงตัวจึงทำให้เป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับสวนหลวงของยุโรปหลายแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Versailles

https://en.wikipedia.org/wiki/Boboli_Gardens

การเริ่มต้นการเที่ยวชมสวนเริ่มต้นหลังจากข้ามบริเวณศาลเจ้า Pitti Palace เรียกว่า Cortile dell’Ammannati บันไดแรกขึ้นไปถึงน้ำพุอาติโช๊คที่มีอ่างล้างหน้ารูปแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยรูปปั้นมากมายสวมมงกุฎด้วยดอกลิลลี่สีทอง  จากจุดนี้จะมองเห็นอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่ติดกับเนินเขาด้านหลังของพระราชวัง ส่วนนี้เป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกจากหินที่ถูกขุดขึ้นจากเนินเขาของพระราชวังเอง  เรียกว่า amphitheater พุ่มไม้และทุ่งหญ้าสีเขียวตกแต่งด้วยรูปปั้นโรมันโบราณ  บริเวณนี้มีรูปร่างเป็นครึ่งหนึ่งของรูปทรงรูปปั้นโบราณคลาสสิค มีเสาโอเบลิสค์อียิปต์ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง  เมื่อปีนไปตามเนินเขาเหนืออัฒจันทร์จะพบกับน้ำพุของดาวเนปจูน ซึ่งมีชื่อเรียกเล่นๆ Florentines ที่ด้านบนสุดของเนินเขาจะพบกับรูปปั้นขนาดใหญ่ Abundance โดย Giambologna ซึ่งมีภาพ Giovanna of Austria ภรรยาของ Francis I จากนั้นเดินไปบนถนนที่ลาดชันขึ้นไปตามเนินเขาตรงไปยัง Porta Romana ถนนใหญ่ล้อมรอบด้วยไซเปรสและรูปปั้นที่นำไปสู่ Isolotto บ่อขนาดใหญ่ที่ด้านในใจกลางของบ่อนั้นมีน้ำพุที่เรียกว่า Ocean ที่สร้างขึ้นโดย Giambologna เป็นน้ำพุรูปเกาะล้อมรอบด้วยรูปปั้นสามอันที่เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำไนล์ Gange และ Euphrates จากส่วนน้ำที่ล้อมรอบเกาะเป็นกลุ่มหินอ่อนของ Perseus บนหลังม้า น้ำพุนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในน้ำพุที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

https://nanquick.com/tag/stumpery/

นอกจากนั้นยังมีส่วนที่น่าสนใจคือ Koffeehouse ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวโดยทั่วไปได้เข้าชมและถนนด้านข้างที่น่าหลงไหลจาก Viottolone ที่มีร้านปลูกไม้เลื้อยขนาดเล็กและเก้าอี้หินต่ำที่มีจุดที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบของสวน  ในตอนท้ายเมื่อออกจากบริเวณของ Palazzo Pitti อย่าลืมแวะชมศาล Morgante ที่น่าสนใจด้วย

http://www.museumsinflorence.com/musei/boboli_garden.html

https://www.youtube.com/watch?v=P917888uVhc

ที่มา https://www.talontiew.com/boboli-gardens/

พีระมิดกรุงโรม Pyramid of Caius Cestius

https://www.talontiew.com/pyramid-of-caius-cestius/

    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปชมสถานที่ที่หนึ่งในกรุงโรมที่น่าไปเที่ยวชม เพราะสถานที่นี่มีอายุเก่าแก่เป็นอย่างมาก ถ้าใครที่ไปเที่ยวประเทศอิตาลีก็แวะไปเที่ยวชมดูได้นะครับ

    Pyramid of Caius Cestius เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่เก่าแก่ของกรุงโรมที่มีอายุกว่า 2,000 ปี  เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของกรุงโรมที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมที่ไม่ใช่สุสานแบบคาทอลิกที่พบเห็นได้เป็นส่วนใหญ่ของกรุงโรม

พีระมิดแห่ง Caius Cestius แห่งนี้เป็นอนุสาวรีย์ที่หลงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวของกลุ่มอาคารที่มีอยู่ในกรุงโรมในช่วงที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราชเมื่อสถาปัตยกรรมของสุสานได้รับอิทธิพลจากแฟชั่นที่เกิดขึ้นในกรุงโรมหลังจากการพิชิตอียิปต์  พีระมิดโบราณของกรุงโรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ Porta San Paolo และสุสานโปรเตสแตนต์ โดยมันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหลุมฝังศพของ Caius Cestius  สมาชิก Epulones หนึ่งในบุคคลสำคัญขององค์กรทางศาสนา  โดยพีระมิดตั้งอยู่ที่ทางแยกระหว่างถนนโบราณ Via Ostiensis ถนนเก่าแก่ที่มีความสำคัญต่อโรมันในอดีต และถนนอีกเส้นหนึ่งที่วิ่งไปทางตะวันตกไปยังแม่น้ำ Tiber คือถนน Via Della Marmorata อันทันสมัย  และเนื่องจากมีการรวมเข้ากับป้อมปราการของเมืองจึงทำให้อาคารเก่าแก่แห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีในกรุงโรม

https://www.premiumworldtour.com

พีระมิดถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 12 – 18 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสุสานของออกุสตุส เซสเตียส ผู้พิพากษาและหนึ่งในสี่บุคคลสำคัญขององค์กรทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในกรุงโรมที่ Septemviri Epulonum  ลักษณะของพีระมิดเป็นคอนกรีตก่ออิฐที่ตั้งอยู่บนพื้นหินอ่อนซึ่งปูด้วยแผ่นหินอ่อนสีขาว  บริเวณส่วนฐานของพีระมิดมีความยาวประมาณ 100 ฟุตโรมันหรือประมาณ  30 เมตร  และมีความสูงประมาณ 125 ฟุตโรมันหรือประมาณ 37 เมตร  ส่วนภายในนั้นเป็นห้องฝังศพรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงกระบอกที่เรียบง่ายมีความยาวประมาณ 600 เมตร และสูงประมาณ 4.10 เมตร ในปี ค.ศ. ที่ได้เปิดให้เข้าชมพบว่าห้องนี้ได้รับการตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกซึ่งได้รับการบันทึกโดย Pietro Santi Bartoli และยังคงมีร่องรอยของจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลือให้ชมนอกจากนั้นแล้วไม่มีร่องรอยของสิ่งตกแต่งทางด้านสถาปัตยกรรมอื่นๆ เลย  หลุมฝังศพได้รับการปิดผนึกไว้แต่เกิดการละเมิดขึ้นซึ่งคาดคะเนว่าอาจย้อนไปถึงช่วงยุคกลาง  มันถูกหามไปโดยการขุดอุโมงค์ทางด้านทิศเหนือจึงทำให้เกิดความเสียหายของโกศและส่วนสำคัญของการตกแต่งบางแห่งนั่นเอง  ที่ด้านบนสุดของห้องใต้ดินมีสัญลักษณ์แห่งชัยชนะสี่ปีกที่แต่ละตัวมีมงกุฎและริบบิ้น  มีส่วนศูนย์กลางที่เป็นภาพถวายคำยกย่องและคำจารึกที่ส่วนหน้าของอุโมงค์

http://www.scimath.org/lesson-mathematics/item/7344-2017-06-18-04-05-22

เนื่องด้วยแต่เดิมสุสานถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในกำแพงเมือง  แต่ด้วยกรุงโรมได้เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงสมัยศตวรรษที่ 3 พีระมิดจึงถูกล้อมรอบด้วยสิ่งปลูกสร้างเดิมภายในกำแพงทั้งรูปปั้น คอลัมน์และสุสานอื่นๆ มีการขุดค้นพบฐานหินอ่อน 2 แห่งในปี ค.ศ. 1660 พร้อมกับชิ้นส่วนของรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ในบริเวณที่ถัดไปจากพีระมิดด้วย

ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2015 ที่พีระมิดได้เปิดให้สามารถเข้าชมได้ในทุกวันเสาร์ที่สองและเสาร์ที่สี่ของแต่ละเดือน  โดยผู้ที่สนใจเข้าชมต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าด้วย  เดิมนั้นที่ตั้งของพีระมิดเป็นบริเวณชนบทนอกกำแพงเมืองที่เปิดกว้าง

https://it.wikipedia.org/wiki/File:Porta_San_Paolo_-_Piramid_Cestius.JPG

http://www.aviewoncities.com/gallery/showpicture.htm?key=kveit0322

http://www.ladilettantelle.com/article-rome-la-pyramide-de-caius-cestius-124692109.html

https://www.youtube.com/watch?v=Q7bU2C5xQfQ

ที่มา https://www.talontiew.com/pyramid-of-caius-cestius/

พิพิธภัณท์โบสถ์แห่งฟลอเรนซ์ Museo dell’Opera del Duomo

     

https://www.talontiew.com/museo-dellopera-del-duomo/

   

    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำอีกหนึ่งพิพิธภํณฑ์ที่ค่อนข้างจะมีชื่อเลียงของอิตาลี และเป็นสถานที่จัดแสดงวัตถุมากมายคับ ถ้าใครสนใจก็อย่ารีบแวะไปเที่ยวชมดูนะครับ

https://www.visitflorence.com/florence-museums/opera-del-duomo.html

    Museo dell’Opera del Duomo เป็นพิพิธภัณท์ที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 700 ปี ก่อตั้งโดย Republic of Florence ในปี 1296 มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลรักษาและจัดแสดงวัตถุสิ่งของและงานศิลปะต่างๆจากโบสถ์เก่าแก่หลายแห่งของเมือง ฟลอเรนซ์

พิพิธภัณฑ์การบริหารงานในฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลีเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผลงานศิลปะดั้งเดิมจำนวนมากที่สร้างขึ้นสำหรับ Cattedrale di Santa Maria del Fiore และ Duomo ของฟลอเรนซ์  พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ทางตะวันออกของ Duomo ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญทางประติมากรรมชิ้นหนึ่งของโลก  โดยในบรรดาพิพิธภัณฑ์ของ ลอเร็นโซบันโน มีประตูสำหรับการทำพิธีศีลจุ่มของมหาวิหารฟลอเรนซ์ที่เรียกว่า Cantorias มีหอศิลป์ที่ออกแบบมาสำหรับโบสถ์ด้วยความตั้งใจของ Michelangelo สำหรับหลุมฝังศพของเขาเอง มีรายงานในปี 2013 ว่ามีนักท่องเที่ยวได้ขโมยนิ้วออกจากรูปปั้นพระแม่มารีย์โดย Giovanni d’Ambrogio ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ซึ่งนิ้วในปัจจุบันมาจากการซ่อมแซมในภายหลังไม่ใช่ส่วนหนึ่งของงานเดิม

http://labottegatoscana.net/2016/05/18/museo-dellopera-del-duomo/

ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเป็นต้นมางานหลักของ Opera del Duomo คือการอนุรักษ์อนุสาวรีย์ โดยพิพิธภัณฑ์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ตั้งของงานศิลปะซึ่งในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาที่ได้ถูกถอดมาจาก Duomo และ Baptistery พิพิธภัณฑ์ทำหน้าที่เปรียบเสมือนที่หลบภัยจากมลภาวะสำหรับประติมากรรมภายนอกหลายแห่งของมหาวิหาร เป็นพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร พื้นที่ตัดแสดงผลงานมากกว่า 1,000 ปีที่มีในฟลอเรนซ์มากกว่า 750 ผลงาน

หนึ่งในผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งภายในของ Baptistery คือแท่นบูชาหลักของ Girolamo Ticciati ที่เสร็จสมบูรณ์ในปี 1732 มีจารึกถึงบุคคลผู้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่มหาวิหารที่มีต่อผู้คนในเมืองฟลอเรนซ์ถูกเขียนลงบนผนังนี้ แต่มีเพียงไม่กี่คนใน 1,000 คนที่มีส่วนช่วยในการสร้าง เติบโต ขยายตกแต่งและเก็บรักษารวมไปถึงสถาปนิก ศิลปิน นักดนตรีและรักมนุษยวิทยา ช่างฝีมือ ไปจนถึงคนงาน พิพิธภัณท์แห่งนี้จึงมีประติมากรรมมากมายที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวยและพรของพระเจ้า มีส่วน Sculpture Gallery ที่ยืนยันถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของพิพิธภัณฑ์ของฟลอเรนซ์กับโบสถ์อนุสาวรีย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิหารที่ถูกสร้างขึ้นทั่วยุโรปที่มีของสะสมในรูปแบบโกธิคดังเช่นที่สามารถชมได้ที่ประตูด้านหลังของประตู Baptistry ในฟลอเรนซ์

http://www.piazzadellenotizie.it/blog/firenze-il-museo-dellopera-del-duomo-offre-la-migliore-esperienza-di-visita-culturale-nella-citta/

https://www.tripadvisor.nl/LocationPhotoDirectLink-g187895-d191154-i167472763-Museo_dell_Opera_del_Duomo-Florence_Tuscany.html

http://guidemuseifirenze.it/visite-guidate/musei-di-firenze/museo-dell-opera-del-duomo-firenze/

https://www.youtube.com/watch?v=mS5k5CAwt5o

ที่มา https://www.talontiew.com/museo-dellopera-del-duomo/

วิลล่าเอเดรียน่า Villa Adriana

สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดเลยนะครับ ผมอยากจะขอแนะนำครับ ถ้าหากเพื่อนๆได้ไปแล้ว ก็ต้องชื่นชอบแน่นอน 

https://www.talontiew.com/villa-adriana/

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาดูอีกที่หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักโรมัน ความงดงามของวิลล่านี้อยู่ตรงที่รูปปั้นที่เรียงรายประดับริมน้ำ ซึ่งจำลองแบบการจัดสถานที่มาจากบริเวณริมคลองในเมืองอเล็กซานเดรีย ของอียิปซ์ นอกจากนี้ยังมีโรงอาบน้ำแบบโรมันอันวิจิตร และสวนแบบโรมันที่งดงามไม่เหมือนใครให้ได้เดินเล่นอย่างเพลิดเพลิน จากทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ วิลล่า อาเดรียนา ถูกจัดเป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ปี 1999

https://www.visittivoli.eu/le-ville/villa-adriana&lang=EN

     Villa Adriana หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Hadrian’s Villa ตั้งอยู่ที่เมือง Tivoli เป็นวิลลาที่โดดเด่นและเป็นที่เลื่องลือในเรื่องของความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน  เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เก็บเรื่องราวทางโบราณคดีและได้รับการเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี  ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999

Villa Adriana เป็นแหล่งโบราณคดีขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกของกรุงโรม  ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ Hadrian แห่งโรมันที่กระจายไปทั่วเมืองชนบทแห่งนี้  โดยสร้างขึ้นที่บริเวณเชิงเขา Tiburtine ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 118 และ 138 มีลักษณะเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 120 เฮกเตอร์ หรือประมาณ 300 เอเคอร์  รูปแบบของวิลลานั้นดูละม้ายคล้ายเมืองโรมันโบราณ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของอาคารสิ่งก่อสร้าง รวมไปถึงในส่วนของอาคารห้องอาบน้ำ โรงค่าย โรงละคร น้ำพุและ nymphaeums ตัววิลลาถูกออกแบบให้มี 2 ระดับคือในส่วนของชั้นบนที่เงียบสงบและเป็นมุมที่โปรดปรานที่ถูกสงวนไว้สำหรับการใช้งานอย่างเป็นทางการของจักรพรรดิ  ในขณะที่ชั้นล่างนั้นมีเสียงดังและอึกทึกไปด้วยการทำงานของทาส  มีพื้นที่บริเวณกว่า 200 ไร่ที่โชคดีที่ยังคงเก็บรักษาสภาพเพื่อใช้ยืนยันถึงความงดงามและความสำคัญของความซับซ้อนของโครงสร้างนี้  บางส่วนนั้นได้รับมอบหมายโดยตรงอย่างชัดเจนโดย Hadrian เพื่อเป็นตัวแทนของหลายจังหวัดและหลายประเทศของจักรวรรดิที่เขาได้เดินทางไปเที่ยวชม  มีห้องโถงที่เชื่อมต่อกับห้องอาบน้ำขนาดใหญ่และขนาดเล็ก  Canopus คลองยาวที่เรียงรายไปด้วยคอลัมน์ Caryatids ในการแสดงความเคารพต่อเมืองอียิปต์โบราณที่มีชื่อเดียวกัน

http://romaluxury.com/listing/villa-adriana/

วิลลาแห่งนี้เป็นอาคารคลาสสิคที่โดดเด่นซึ่งถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 2 เป็นสิ่งก่อสร้างที่รวมองค์ประกอบที่ดีที่สุดของมรดกทางสถาปัตยกรรมของอียิปต์กรีซและกรุงโรมในรูปแบบของ Ideal City และยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่นำเสนอถึงการแสดงออกทีดีที่สุดของวัฒนธรรมทางวัตถุของโลกเมแตอร์เรเนียนโบราณ  และจากการศึกษาอนุสาวรีย์ที่สร้าง Villa Adriana พบว่ามีบทบาทสำคัญในการค้นพบองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมคลาสสิคโดยสถาปนิกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและยุคบาโรค  นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อสถาปนิกและนักออกแบบในศตวรรษที่ 19 และ 20 พระราชวังในเมืองชนบทแห่งนี้จึงมีความซับซ้อนและความน่าสนใจอย่างมาก  แม้แต่ในซากปรักหักพังก็ยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมมากมายทุกปี

https://www.viveroma.net/fotos/villa-adriana

https://www.viveroma.net/fotos/villa-adriana

https://eu.greekreporter.com/2014/04/10/hadrian-and-greece-meet-again-at-italys-villa-adriana/

https://www.youtube.com/watch?v=Qs68eF2Y4cg

ที่มา https://www.talontiew.com/category/area/europe-travel/italy/

ย่านเนินเขา พาเลติเน Palatine Hill

สำหรับสถานที่ต่อไป ผมขอแนะนำสถานที่ที่น่าเที่ยวอีกที่นึ่งนะครับ นั่นก็คือ เนินเขาพาเลติเน ครับ เป็นเนินเขาที่มีความสวยงามและมีสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามเช่นกันครับ

https://www.talontiew.com/palatine-hill/

เนินเขา พาเลติเน(Palatine Hill) เป็นเนินเขาที่เชื่อมต่อกับ Roman Forum ที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของเศษซากอารยธรรมและความรุ่งเรืองของยุคโรมันในอดีต อีกทั้งที่เนินเขาแห่งนี้นั้นยังเป็นจุดที่ดีสำหรับการชมทัศนียภาพอันสวยงามของ Roman Forum จากด้านบนอีกด้วย

https://it.m.wikipedia.org/wiki/File:Palatineterracing.jpg

ในช่วงระยะเวลาของพรรครีพับลิโรมันได้มีการสร้างพระราชวังที่หรูหราในบริเวณของ Palatine Hill ซึ่งยังคงรักษาร่องรอยสำคัญไว้ให้เห็นจนปัจจุบัน นอกจากความสวยงามของบริเวณโดยรอบและซากของสิ่งก่อสร้างของสถาปัตยกรรมที่หลงเหลืออยู่แล้วบนเนินเขา Palatine Hill แห่งนี้ยังมีตำนานที่น่าสนใจอยู่ด้วย โดยเป็นตำนานของนิยายโรมันที่เกี่ยวกับผู้ก่อตั้งโรม โดยตามตำนานกล่าวถึงถ้ำที่อาศัยของลูเปอร์คาหมาป่าตัวเมียที่ดูแล Romulus และ Remus สองพี่น้อง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา Palatine Hill  แต่เมื่อสองพี่น้องได้เติบโตขึ้นนั้นพวกเขาได้มีเรื่องที่ไม่สามารถตกลงกันได้ Romulus ได้ฆ่า Remus และได้ก่อตั้งกรุงโรมขึ้นมา

http://www.promptguides.com/rome/attractions/roman_forum_palatine_hill.htm

บริเวณทั้งหมดบนเนินเขา Palatine Hill นั้นล้วนแล้วแต่น่าประทับใจ และมีหลายโซนที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Domus Flavia ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าแก่อันงดงามที่ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของจักรพรรดิ Domitian และได้ถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการของจักรพรรดิ Domitian ซึ่งในปัจจุบันนั้นยังคงหลงเหลือเค้าโครงของอาคารที่ยังคงมองเห็นความสวยงามได้ หรือจะเป็น  House of Livia บ้านเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช อันเป็นหนึ่งในอาคารบนเนินเขา Palatine Hill ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุด จึงยังคงสามารถมองเห็นซากของโมเสกและภาพจิตรกรรมฝาผนังทีมีอยู่ในตัวบ้านได้  และยังมีบ้านอีกหลังอย่าง House of Augustus : Octavian Augustus บ้านแบบสองระดับที่ยังคงมีส่วนของ Frescoes หลงเหลืออยู่ ยังคงเห็นมูลค่าและสีสันที่ตกแต่งตามผนัง นอกจากนั้นแล้วยังมีพระราชวัง Tiberius และสวน Farnese ซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในยุโรปอีกด้วย

https://www.thetimes.co.uk/article/section-of-palatine-hill-in-rome-opens-to-public-for-first-time-in-centuries-638nwjjq8

นอกจากที่กล่าวมาแล้วบน Palatine Hill ยังมีโซนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายโซน รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ Palatine ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่ได้รวบรวมผลงานหลายชิ้นที่ได้ถูกค้นพบระหว่างการดำเนินการขุดค้นบน Palatine Hill โดยประกอบไปด้วยภาพประติมากรรมฝาผนังโมเสกและวัตถุอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงยุคทองบนเนินเขาแห่งนี้ และที่สำคัญที่สุดนั้นเป็นสถานที่อันน่ารื่นรมย์สำหรับการเดินเล่นใต้เงาร่มไม้ และยังเป็นมุมมองที่ดีสำหรับการชมทัศนียภาพที่สวยงามของ Roman Forum อีกด้วย

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=JeApHXIiLbo

https://www.talontiew.com/palatine-hill/